098-8858853 (คลิ๊กเพื่อโทรออก) รับสาย 8.30 - 20.00 น. ทุกวัน
C:\Users\lenovo\Downloads\iphone11.jpg

คุณรู้ไหมว่าในขณะที่คุณกำลังพยายามขายสินค้าด้วยความยากลำบาก ในปี 2019 Apple ทำกำไรเป็นประวัติการณ์จากการขาย iPhone ซึ่งในปีนั้นปีเดียว Apple สามารถขาย iPhone ไปได้มากถึง 217 ล้านเครื่อง และหากรวมยอดขาย iPhone ทั้งหมดทุกรุ่น ตั้งแต่เริ่มขายปี 2007 – 2019 ก็จะมียอดขาย iPhone รวมกันมากกว่า สามพันล้านเครื่อง (3 billion units)

C:\Users\lenovo\Downloads\cosmetic-products.jpg

คุณรู้ไหมว่าเครื่องสำอางกลุ่ม Beauty และ Skin Care มียอดขายรวมกันในประเทศไทยมากถึง 1.9 แสนล้านบาท (ข้อมูลจาก Unilever ในงานประชุม NAC 2019) ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 2018 ถึง 8% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตเรื่อย ๆ

แล้วอะไรกันคือองค์ประกอบที่ทำให้ลูกค้าซื้อหรือไม่ซื้อสินค้าของคุณกันแน่?

บางทีเศรษฐกิจที่เรียกว่าแย่ ก็ไม่ได้แย่เท่าความคิดที่ตีบตัน หากเรามองแต่ปัญหา เมื่อไหร่กันจะเห็นทางออก? เมื่อชีวิตยังต้องก้าวต่อ การรักษาความหวัง และมุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จคงเป็นหนทางเดียว ที่จะอยู่รอดในสังเวียนธุรกิจ ที่คุณกำลังเผชิญได้อย่างสง่างาม

C:\Users\lenovo\Downloads\sell-solution.jpg

ทำไมสินค้าถึงขายยาก?

คำตอบสั้น ๆ คือการขาดการวางกลยุทธิ์การสร้างแบรนด์ การวางแผนการตลาด และ การสร้าง Content ที่ดี ยิ่งไปกว่านั้นในยุคที่การตลาด digital ครองโลก การสร้าง Content ที่ทรงพลังเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

แต่ Content แบบไหนล่ะที่จะช่วยส่งพลังให้แก่ยอดขาย ทำให้สินค้าของคุณขายดีให้คุณได้นั่งนับเงินเล่น และสำหรับผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่านพลังของ Content ยังช่วยปลดหนี้ทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

บางคนพอเปลี่ยนวิธีทำ Content เป็นหนี้สินที่ต้องผ่อน 15 ปี กลับผ่อนแบงก์จบใน 3 เดือนก็มี! ดังนั้นมาทำความเข้าใจกันเลยดีกว่าครับ ว่าการวางแผนที่ดีเพื่อสนนับสนุนกลยุทธิ์ของแบรนด์นั้น เราต้องรู้อะไรบ้าง

C:\Users\lenovo\Downloads\power-content-marketing-stories-1.png

เราจะต้องสร้าง Content ที่มี Key Message และ Secondary Message ของแบรนด์ที่ชัดเจน เพื่อให้แผนการทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น

  • Key Message
    • Message หลักในการสื่อสาร เช่น แบรนด์ของเรามุ่งเน้นให้ลูกค้าประหยัด
  • Secondary Message
    • เป็น Message ที่สนับสนุน Key Message อีกที
      • เช่น สาเหตุที่แบรนด์เราทำให้ลูกค้าประหยัดได้เพราะ… (ทำออกมาเป็น Content)

C:\Users\lenovo\AppData\Local\Microsoft\Windows\INetCacheContent.Word\traveller (2).jpg

รู้จัก Buyer’s Journey หรือยัง ?

การสร้าง Content ตาม “การเดินทาง” ของลูกค้า หรือที่เรียกว่า “Buyer’s Journey” จะช่วยให้คุณทำ Content ได้ถูกที่ถูกเวล ซึ่งจะแบ่งช่วงของแต่ phrase ออกดังนั้น

  • Awareness
  • Consideration
  • Favorable
  • Advocacy

.

Buyer’s Journey Phrase 1: Awareness

C:\Users\lenovo\Downloads\ตกใจหมด.jpg

อธิบายความเข้าใจเกี่ยวกับการสร้าง Awareness ทำอย่างไรให้แบรนด์ของคุณเป็นที่พูดถึง ในขั้นตอนนี้ เราจะยังไม่ควรพยายามปิดการขาย เพราะลูกค้ายังไม่เกิด Trust พูดง่ายๆ คือลูกค้ายังไม่ไว้ใจในตัวคุณ

ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำในขั้นตอนนี้ คือการสร้างตัวตน ของตัวเองขึ้นมา โดยให้ลูกค้ารู้สึกว่า คุณสนใจพวกเขามากกว่าแค่ อยากจะขายของ คุณไม่ได้แค่นำเสนอตัวเอง แต่นำเสนอผู้เป็นผู้ช่วย ผู้แก้ปัญหาให้แก่ลูกค้า

.

.

Buyer’s Journey Phrase 2: Consideration

ในขั้นตอนนี้ จะช่วงที่ลูกค้าผ่านการเรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ และสินค้าของคุณมาแล้ว แล้วพวกเขาก็ต้องการตัวเปรียบเทียบ ต้องการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ดังนั้น Content ที่คุณควรจะทำในส่วนนี้ จะต้องแตกต่างจะขั้นตอนก่อนหน้านี้ คุณจะต้องให้ข้อมูลสำคัญกับลูกค้า ตามที่ลูกค้าต้องการ หากแบรนด์ของคุณตอบคำถามที่อยู่ในใจลูกค้าได้ และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับแก้ปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผอิญอยู่ โอกาสก็เป็นไปได้สูงมากที่คุณจะปิดการขายได้

.

.

Buyer’s Journey Phrase 3: Favorable

C:\Users\lenovo\Downloads\เด็ก ๆ กินไอติม.jpeg

ในขั้นตอนนี้ ลูกค้าได้ตัดสินใจเลือกแล้วว่าสินค้า หรือบริการของคุณ มีความตรงใจมากที่สุด แต่เขายังไม่ยอมจ่ายเงินซื้อสินค้าทันที ดังนั้น คุณจะต้องพยายามออกโปรโมชั่น ราคา และแพคเกจให้เย้ายวนใจ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจในเวลาที่กำหนด

แต่หากคุณสังเกต ร้านค้ามากมายพยายามเอาเรื่องโปรโมชั่น และราคามากระตุ้นลูกค้าตั้งแต่ ขั้นแรกคือ Awareness ซึ่งเป็นการทำที่ผิดพลาด เพราะไม่มีใครยอมจ่ายเงิน ไม่ว่าถูกแค่ไหน กับสิ่งที่พวกเขาไม่อยากได้ หรือไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไม

เรามีตัวอย่างดีดี หลายตัวที่คุณสามารถนำเอาไปสร้างกลยุทธิ์การขาย และโปรโมชั่น เพื่อสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้น และหากคุณเข้าใจการนำไปประยุกต์ใช้ที่ถูกขั้นตอน คุณจะได้รับผลรับอย่างแน่นอน

.

.

Buyer’s Journey Phrase 4: Advocacy

C:\Users\lenovo\Downloads\ลูกค้าบอกแทนเรา.jpg

ทำอย่างไรต่อดี เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าของคุณไปแล้ว หน้าที่ของคุณจบแล้วหรือไม่? เราขอบอกคุณตรง ๆ ว่าคุณยังรู้สึกโล่งอกไม่ได้ แม้ว่าลูกค้าจะซื้อสินค้าของคุณไปแล้ว หลักการสำคัญก็คือ คุณจะต้องรักษาลูกค้า แต่คำถามคือจะทำอย่างไร ให้พวกเขาซื้อของจากคุณอีก ต่อไปเรื่อย ๆ หรือแม้แต่ แนะนำเพื่อนมาซื้อสินค้าจากคุณ

คุณรู้ไหมว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาลูกค้าเก่า ถูกกว่าการจ่ายเงินทำการตลาดเพื่อสร้างลูกค้าใหม่ โดยเฉลี่ยมากถึง 20 เท่า และในธุรกิจหลายประเภท หลากหลายแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับกำไรจากลูกค้าเก่า ซึ่งพวกเขามักจะพยายามขายของให้ถูกที่สุด ทำกำไรน้อยที่สุดในชิ้นแรก แต่ไปทำกำไรที่แท้จริง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่หยุดหย่อน จากลูกค้าประจำ

การสื่อสารที่ผิดพลาด ทำลายโอกาสทางธุรกิจของคุณ

การสื่อสารที่ผิดพลาด ไม่ทำให้การสร้างแบรนด์ สำเร็จ มีนักโทษคนหนึ่งเขาถูกจับไปลงโทษด้วยการให้ประเชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว ผู้คุมคุกบอกกับเขาว่าเขาจะถูกฆ่าทันทีที่ตอบคำถาม ต่อไปนี้ผิด ผู้คุมคุกถามคำถามเขาว่าเหตุใดพระอาทิตย์จึงขึ้นทางทิศตะวันออก...

read more

เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็น Brand Ambassador ของคุณ

Phrase 4: Advocacy เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็น Brand Ambassador ของคุณ Advocacy คืออะไร? ถึงตอนนี้คุณได้ใช้ Content ต่าง ๆ เป็นกลยุทธฺืหลักในการสื่อสาร กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งลูกค้าได้ซื้อสินค้าแล้ว แต่กระบวนการทางการตลาดนั้นยังไม่สิ้นสุด เพราะคุณยังมีภาระกิจสำคัญ...

read more

ช่วยร้านรอบข้าง เพื่อร้านตัวเอง

Photo Source: freepik.com   ชายคนหนึ่งไปซื้อตึกเพื่อทำร้านอาหาร ลงทุนตกแต่งไปมากมาย แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าทำอะไรตรงนั้นมีปัญหามาก และขายไม่ค่อยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาคาดหวังยอดขายเพราะคนแถวนั้นจะเลิกงานและมีโอกาสจะได้ลูกค้านั่งดื่ม...

read more